รู้ไว้ ให้ระวัง โรคไข้เลือดออก
13 สิงหาคม 2567ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง
โรคไข้เลือดออก หรือโรคไข้เดงกี (dengue fever)
อาการที่พบได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อหรือกระดูก มีผื่นขึ้นคล้ายผื่นของโรคหัด และอาจมีภาวะเลือดออกหรือไม่มีก็ได้ ส่วนโรคไข้เลือดออกนั้น นอกจากจะมีอาการเช่นเดียวกับโรคไข้เดงกีแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค คือ
- มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน
- คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน
- ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา
การดูแลผู้ป่วย
- ระยะไข้สูง - ยาลดไข้ควรใช้ยาพาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน และยาลดไข้สูงจำพวก Ibuprofen เพราะอาจจะทำให้เกล็ดเลือดทำงานผิดปกติ และอาจระคายกระเพาะทำให้เลือดออกง่ายขึ้น และที่สำคัญอาจทำให้เกิดอาการทางสมอง (Reye syndrome)
- ควรใช้การเช็ดตัวช่วยลดไข้ร่วมด้วย เพราะการใช้ยาลดไข้มากเกินไป จะมีภาวะเป็นพิษต่อตับได้ และควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเกลือแร่มากๆ จะช่วยให้ไข้ลดต่ำลงได้บ้าง
- ต้องติดตามดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ตรวจพบและป้องกันภาวะช็อกได้ทันเวลา โดยภาวะช็อกมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับไข้ลดลง
ดังนั้นหากพบผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหารมาก ไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ ถ่ายปัสสาวะน้อยลง ซึมลง มีเลือดออก มีอาการปวดท้องมาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ควรแนะนำให้ส่งโรงพยาบาลทันที
- พบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจเช็คเกล็ดเลือดและความเข้มข้นของเลือด
การป้องกัน ทำอย่างไร ไม่ให้เป็นโรคไข้เลือดออก
-
กำจัดยุงที่เป็นพาหะนำโรค โดยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
- คว่ำและปิดฝาภาชนะไม่ให้มีน้ำขังป้องกันยุงมาวางไข่
- ใส่ทรายอะเบท (Abate) ตามภาชนะใส่น้ำ
- เลี้ยงปลาให้กินลูกน้ำ
-
ป้องกันการติดเชื้อ
- แต่งกายมิดชิด สวมเสื้อกางเกงขายาวเมื่อออกนอกบ้าน ฉีดสเปรย์หรือทาครีมป้องกันยุง
- นอนกางมุ้ง
- สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ตามหลักโภชนาการควบคู่กับการออกกำลังกาย