สิทธิการรับเบี้ยผู้สูงอายุ ประจำปี 2562
4 มกราคม 2562ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง
สิทธิและสวัสดิการเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุ
ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- สัญชาติไทย
- อายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยการลงทะเบียนช่วงต้นปี 2562 ต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2503 (ผู้สูงอายุที่ทะเบียนราษฎรระบุเฉพาะปีเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคมของปีนั้นๆ)
- ต้องไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ รวมถึงเงินอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน เช่น ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือรค่าตอบแทนรายได้ประจำ หรือผล ประโยชน์ตอนแทนอย่างอื่นที่รัฐจัดให้เป็นประจำ
สามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่วงเวลาดังนี้
- ช่วงเดือน มกราคม ถึง กันยายน 2562 (สำหรับผู้เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2503) จะเริ่มได้รับเงินผู้สูงอายุงวดแรกในเดือนถัดไป จากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ เช่น เกิดเดือนสิงหาคม 2503 ก็จะเริ่มได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนกันยายน 2563
- สำหรับผู้ที่เกิดวันที่ 2 กันยายน 2503 - 1 ตุลาคม 2503 ให้ลงทะเบียนช่วงเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน 2562
หลักฐานในการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงหรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย
- ทะเบียนบ้านตัวจริง
- สมุดบัญชีฝากเงินธนาคารตัวจริง เฉพาะ ธนาคารออมสิน หรือ กรุงไทย เท่านั้น
แต่หากผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นมายื่นคำขอรับเงินแทนได้ โดยต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
- หนังสือมอบอำนาจ (แบบฟอร์มมอบอำนาจขึ้นอยู่กับการดำเนินการของแต่ละพื้นที่ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
- ทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ
อัตราการรับเบี้ยผู้สูงอายุ
อายุ 60 - 69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท
อายุ 70 - 79 ได้รับเงิน 700 บาท
อายุ 80 - 89 ได้รับเงิน 800 บาท
อายุ 90 ขึ้นไป ได้รับเงิน 1,000 บาท
ผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
2. ด้านการศึกษา การศาสนา และข้อมูลข่าวสาร
3. ด้านการประกอบอาชีพ ฝึกอาชีพที่เหมาะสม
4. ด้านการพัฒนาตนเอง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่าย/ชุมชน
5. ด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ บริการสาธารณะอื่น
6. ด้านการลดหย่อนค่าโดยสาร และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย
7. ด้านการยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ
8. ด้านการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรม หรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดทิ้ง
9. การให้คำแนะนำ ปรึกษา ดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดี และในทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว
10. ด้านการช่วยเหลือด้านที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่มให้ตามความจำเป็นอย่างทั่วถึง
11. ด้านการช่วยเหลือเงินเบี้ยยังชีพ
12. การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี
13. การจัดบริการสถานที่ท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมกีฬาและนันทนาการตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติประกาศ กำหนด
14 การจัดบริการเพื่ออำนวยความสะดวกด้านพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ และการจัดกิจกรรมด้าน ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติประกาศกำหนด
15. ด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้ และการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์สิน เงินให้แก่กองทุนผู้สูงอายุ
16. ด้านกองทุนผู้สูงอายุ